หลังจากเข้ารับการอบรมทำหนังสั้นและสารคดีจากพี่ ๆ ชมรมหนังสั้นแห่งประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว เด็ก ๆ ยังคงมีหัวใจและไฟ ก็ยังคงพกพาความฝันอัดแน่นเต็มหัวใจ แม้จะต้องปฏิบัติภารกิจหลัก นั่นคือการเรียน ทำการบ้าน อ่านหนังสือและเตรียมตัวสอบปลายภาคก็ตาม
เมื่อการสอบปลายภาคผ่านไป พวกเขาก็ได้เริ่มต้นปฏิบัติภารกิจล่าฝัน ด้วยการส่งโครงเรื่องหนังสั้นเข้าร่วมประกวดในกิจกรรมต่าง ๆ โชคดีที่ได้รับความเมตตาจากคณะกรรมการให้เข้ารอบไปเข้ารับการอบรมและรับทุนมาถ่ายทำหนังสั้นต่อไป
ไหว้หลวงปู่เจียม กลุวะณิชย์ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนในวันเปิดกล้อง
อินตกแต่งบาดแผลให้กับน๊อต
หนังสั้นของเด็ก ๆ ได้รับทุนจากโครงการประกวดหนังสั้น ของปิ้งร่วมกับ สสส. และคณะกรรมการศิลปินปฏิรูปประเทศไทย ในหัวข้อ "คุณภาพชีวิต ปฏิทินแห่งความหวัง จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน" ของ ดร.ป๋วย อึ้งภากร
เด็ก ๆ ตั้งใจทำหนังสั้นครั้งนี้มาก เมื่อสอบปลายภาควิชาสุดท้ายเสร็จสิ้นลง เด็ก ๆ รีบมาระดมความคิดเพื่อหาพล็อดเรื่องที่ตอบโจทย์บทความของ ดร. ป๋วย และหนึ่งในแนวคิดนั้นมาจากสมองของเด็กชายอายุ 14 ที่กำลังจะจบชั้น ม.2 นามว่า "โจ"
หลังจากนั้นพวกเด็ก ๆ ก็โทรศัพท์มาแจ้งข่าวดีว่า พล็อตเรื่องของเขาเข้าตากรรมการ เนื่องจากทีมงานของเรามีหลายคน เราต้องตกลงกันว่าจะส่งใครไปอบรม เพื่อนำความรู้ที่ได้มาขยายผลส่งต่อยังเพื่อนร่วมทีมที่ไม่ได้ไปอบรม
ผู้กำกับจุ๋มซักซ้อมบทกับนักแสดง มะเฟืองกับใหม่ทำแผลให้น๊อตเพื่อเข้าฉาก
การอบรมจบลง พวกเขากลับมาร่วมประชุมวางแผน เขียนบท เขียนสตอรี่บอร์ดต่อให้จบ จุ๋มกลับไปเขียนบทต่อที่บ้านเพื่อให้ทันเวลา ส่วนสตอรี่บอร์ดนั้นเรามีทีมงานช่วยกันสองคนคืออินกับโจ โม วิว และน็อต เตรียมเรื่องกล้องและสถานที่ เฟืองเตรียมอุปกรณ์ประกอบฉากและรับผิดชอบเป็นธุรกิจกองถ่าย
ระหว่างนี้เราก็ต้องเตรียมหานักแสดง ขั้นแรกประกาศรับนักแสดงหน้าเสาธง(ในวันประกาศผล) แต่ไม่มีนักเรียนคนใดกล้ามาสมัคร อาจจะอายเพื่อนหรือเพราะกลัวคนรับสมัครไม่แน่ใจ สุดท้ายคุณครูต้องขอร้องแกมบังคับนักเรียนห้อง 1/1 จำนวนหนึ่งมาเป็นนักแสดงสมทบ หลังจากนั้นจึงนัดนักแสดงมาแคสติ้งให้ผู้กำกับ(จุ๋ม) ตากล้อง(โม) ช่วยกันคัดเลือก โดยมีคุณครูอุทัย คุณครูประทุมและคุณครูนิดธิดาคอยให้คำปรึกษาแนะนำ
ตากล้องโม(ตรงกลาง)และตากล้องวิว(มุมซ้ายมือ) ถ่ายทำฉากเดินเข้าประตูโรงเรียน
ทุ่มเทเต็มที่เพื่อให้ภาพออกมาตามต้องการ
พระเอกของเรื่อง(ฟิล์ม) มาอัพเกรดวิชาคอมพิวเตอร์ ก็โดนขอร้องแกมบังคับให้มาแคสติ้ง และในวันเปิดกล้อง พระเอกที่คัดไว้ไม่ยอมมา ผู้กำกับจึงตัดสินใจให้ฟิล์มเล่นเป็นพระเอก ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมาก เพราะฟิล์มเป็นนักแสดงที่มีความตั้งใจ อดทน พยายาม และรับผิดชอบในหน้าที่ แม้จะถ่ายซ่อมกี่ครั้ง รอเข้าฉากนานขนาดไหน ฟิล์มอดทนไม่บ่นแม้แต่คำเดียว
ตัวเด่นของเรื่องอีกคน คือ น็อต เล่นเป็นลูกนักการเมือง คนนี้พอทีมงานเห็นหน้าก็ร้องพร้อมกันว่า "เหมาะมาก" ครูโทรไปตามน็อตมาแคสติ้งเพื่อเล่นเป็นตัวเด่นโดยเฉพาะ แต่สาย ๆ น็อตให้เพื่อนโทรมาบอกว่า "ไม่สบาย" คุณครูจึงใช้ความพยายามจนหาเบอร์โทรศัพท์คุณพ่อของน็อตได้สำเร็จและโทรไปรายงานว่าน็อตเบี้ยวไม่ยอมมาคัดเลือกนักแสดง ถึงวันเปิดกองน็อตมาถึงกองถ่ายแต่เช้าก่อนทีมงานซะอีก
ฉากนอกสถานที่ ไม่มีคัทเพราะนักแสดงแสดงดีมาก(ผู้กำกับจุ๋มบอกมา)
แถวแรกจากซ้าย อู๋ น๊อต ฟิล์ม แถวหลังจากซ้าย โอ๊ต เท่ห์
เท่ห์ กับบทสมุนของน็อตนั้น บังเอิญตามเพื่อนมาอัพเกรดวิชาคอมพิวเตอร์ ทีมงานเห็นแววจึงติดต่อมาแคสติ้ง เกือบได้เล่นเป็นลูกนักเมืองอยู่แล้วเชียวหากครูตามน็อตมาไม่ได้ เท่ห์ได้เสียบบทเด่นนี้แน่ ๆ
โอ๊ต สมุนอีกคนของน็อตได้รับการติดต่อให้มาเป็นนักแสดงแต่แรก แต่โอ๊ตปฏิเสธและไม่ยอมมาแคสติ้ง บังเอิญว่าคุณครูรู้จักกับแม่ของโอ๊ต ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะตามโอ๊ตมาเข้าฉากโดยไม่ต้องผ่านการแคสติ้ง (ฮ่า ๆ ๆ ถ้าไม่มีอิทธิพลแบบนี้จะได้นักแสดงไหมเนี้ย)
เมื่อถึงเวลาที่ถ่ายทำจริง ทั้ง เท่ห์และโอ๊ต ต่างแสดงกันอย่างเต็มที่ จนทีมงานต่างเอ่ยปากชม และแอบสงสัยว่าที่พวกเขาแสดงได้ดีขนาดนี้นะเป็นชีวิตจริงของเขาหรือเปล่านะ
นักแสดงและทีมงานในวันปิดกล้องแม้จะโดนขอร้องแกมบังคับให้มา แต่มาแล้วทุกคนก็เต็มที่และเต็มใจ
นักแสดงหลัก
เด็ก ๆ ใช้เวลาในการถ่ายทำ 3 วัน และถ่ายซ่อมอีก 1 วัน ทำให้ทีมงานได้รู้ว่าการถ่ายทำหนังนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม้เราจะถ่ายทำในโรงเรียนของเรา แต่ก็มีปัญหาและอุปสรรคต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเตรียมงาน การควบคุมนักแสดง การเซทฉาก การนัดหมายนักแสดง เหล่านี้เป็นต้น
แต่เด็ก ๆ ทีมงานต่างก็ช่วยกันแก้ปัญหาจนลุล่วงไปได้ด้วยดี เรื่องใดที่พวกเราทำไม่ทัน ก็ได้เพื่อน ๆ มาช่วย เช่นทีมงานเอฟเฟคนำทีมโดย อิน เนมและกิ๊บ ทีมอุปกรณ์ประกอบฉากก็ได้ใหม่ น้องสาวอินมาช่วย และเนื่องจากกองถ่ายของเราเป็นกองใหญ่ใช้นักแสดงมาก เพราะฉะนั้นค่าใช้จ่ายในแต่ละวันจึงค่อนข้างมากโดยเฉพาะค่าอาหาร ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรีบถ่ายทำมิเช่นนั้นทุนจะหมดเสียก่อน
ฝ่ายอุปกรณ์ประกอบฉากกำลังสร้างชามก๊วยเตี๋ยวให้พระเอกล้างอย่างขะมักเขม้น
ฉากนอกสถานที่ ตลาดบูรพา
การถ่ายทำวันสุดท้ายต้องถ่ายนอกสถานที่ เป็นถนนหน้าโรงเรียนและตลาดบูรพา ดังนั้นจึงต้องติดต่อประสานงานเพื่อขอความร่วมมือจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะฉากถนนที่รถเยอะและเร็วต้องขอความอนุเคราะห์จากตำรวจจราจรสถานีตำรวจภูธรตำบลแสนภูดาษมาช่วยดูแลความเรียบร้อยให้
การถ่ายทำที่ว่ายากแล้วนั้น เมื่อต้องนำภาพที่ได้มาตัดต่อนับว่าเป็นงานที่ยากกว่าหลายเท่า ที่สำคัญทีมงานไม่สามารถช่วยเหลือได้ เพราะคนที่ทำได้ต้องมีความรู้เรื่องโปรแกรมตัดต่อและต้องมีจินตนาการ ทีมงานจึงทำได้แต่เพียงส่งข้าวส่งน้ำ ส่งเสบียงเท่านั้น ขั้นตอนนี้ โม (ตากล้อง ) วิว โอ๊ต และโจ ต้องมาเข้าค่ายที่ห้องคอมพิวเตอร์ของโรงเรียนซึ่งใช้เป็นห้องตัดต่อของทีมงาน
ป้ายแนะนำหนังสั้น 12 เรื่อง หน้าห้องฉายในงานปฏิรูประเทศไทย ณ อิมแพ็คเมืองทองธานี
ระดมสมองเขียนสตอรี่บอร์ด
ทีมงานตัดต่อ โมกับโอ๊ต
เวลาในการตัดต่อนานกว่าเวลาในการถ่ายทำเพราะเมื่อเรานำภาพมาเรียงต่อกันแล้ว ภาพเหล่านั้นเล่าเรื่องราวได้ไม่ต่อเนื่องนัก และภาพที่ได้บางภาพก็ยังไม่ได้มุมกล้องที่ต้องการ เราต้องเชิญคุณครูหลายท่านมาชมการเรียงภาพของเราก่อน เพื่อให้ท่านเหล่านั้นได้ช่วยกันแสดงความคิดเห็น นอกจากเรื่องของภาพแล้ว เรื่องเสียงก็มีปัญหาไม่น้อย เพราะเรามัวแต่พะวงกับภาพจนลืมเน้นให้นักแสดงออกเสียงให้ชัดเจน นี่ก็เป็นบทเรียนของเราเช่นกัน
หลังจากนั้นพี่บอล พี่เลี้ยงของพวกเราก็แวะมาช่วยแนะนำทีมงานตัดต่อจนงานเสร็จเรียบร้อยและนำไปแสดงในงานปฏิรูปประเทศไทยที่เมืองทองธานีได้ทันเวลา
การทำหนังสั้นครั้งนี้ทำให้เหล่าเด็ก ๆ ได้เรียนรู้กระบวนการทำหนังทั้งหมดและได้พิสูจน์ตนเองว่าถึงแม้จะเป็นแค่เด็กมัธยมธรรมดาแต่ก็มีความมุ่งมั่นและความพยายามที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สำเร็จได้ แม้จะต้องทุ่มเททั้งหมดลงไปก็ตาม และสิ่งที่ได้รับมาก็นับว่าคุ้มค่า ถือว่าเป็นประสบการณ์หนึ่งในชีวิตที่ต้องจดจำทีเดียว และไม่แน่ว่าหนังสั้นเรื่องนี้อาจเป็นแรงบรรดาลใจให้พวกเขาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ให้กับสังคมได้
จุ๋ม โมและมะเฟือง พรีเซ็นต์หนังสั้นต่อหน้าคณะกรรมการ
แม้หนังสั้นของเราจะไม่ได้รางวัลใด ๆ ติดมือกลับมา แต่การที่เราได้เข้ารับการอบรมและได้ทุนมาทำหนังก็ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับพวกเราแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือ เด็ก ๆ ได้ประสบการณ์ซึ่งไม่มีสอนในห้องเรียนนับว่าเป็นประโยชน์สำหรับพวกเขาไม่น้อยเลย
เชิญชมหนังสั้น Why ของพวกเขาได้ที่นี่ค่ะ http://www.youtube.com/watch?v=hPiVUHeXshc |